พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ร้อง! ถูกเลือกปฏิบัติ-แยกคดีซ้ำซ้อน
สวัสดีครับ วันนี้มีข่าวใหญ่ในแวดวงตำรวจมาอัปเดตให้ฟังกันอีกแล้ว คราวนี้เป็นเรื่องของ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ล่าสุดเดินทางไปยื่นหนังสือถึง พล.ต.ท. สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจไซเบอร์ (ผบช.สอท.) เพื่อร้องเรียนว่าตนเองและลูกน้องถูกเลือกปฏิบัติในการดำเนินคดี แถมยังมีการพยายามแยกคดีซ้ำซ้อนอีกด้วย เรื่องราวเป็นยังไง มาตามติดกันครับ
เรื่องมันเริ่มจาก พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ อ้างว่าการดำเนินคดีกับตนเองและลูกน้องนั้นไม่ชอบมาพากล มีการเลือกปฏิบัติ และพยายามแยกคดีที่ควรจะอยู่ในอำนาจของ ป.ป.ช. ออกไปทำต่างหาก ซึ่งเจ้าตัวมองว่าไม่ถูกต้องตามกระบวนการยุติธรรม
ประเด็นที่น่าสนใจคือเรื่องการออกหมายจับลูกน้อง 8 นายของ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ที่เจ้าตัวบอกว่าพนักงานสอบสวนไม่ได้แจ้งต่อศาลว่าผู้ถูกออกหมายจับเป็นตำรวจ แต่กลับแจ้งว่าเป็นอาชีพรับจ้างค้าขาย แถมยังไปยื่นขอหมายจับที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งตามหลักแล้วต้องยื่นต่อศาลอาญาทุจริตกลาง เรื่องนี้ฟังดูมีเงื่อนงำซ่อนอยู่เยอะเลยทีเดียว
นอกจากนี้ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ยังยกประเด็นเรื่องบัญชีม้าที่ พ.ต.ท. คริษฐ์ เป็นผู้ใช้รับผลประโยชน์จากเว็บพนันเพียงผู้เดียว ซึ่งตามกฎหมายถือว่าเป็นบัญชีที่เกี่ยวเนื่องกันและมีวัตถุประสงค์เดียวกัน ดังนั้นจึงไม่สามารถแบ่งแยกหรือฟ้องซ้ำได้ แต่ปรากฏว่าตนเองและลูกน้องกลับถูกแยกออกหมายจับ แถม ป.ป.ช. ก็รับสำนวนไปแล้ว แต่ก็ยังมีการนำหนึ่งในบัญชีม้าเดิมมากล่าวหาตนเองอีก
ประเด็นร้อน! พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ร้องถูกเลือกปฏิบัติ-แยกคดีซ้ำซ้อน
อดีตรอง ผบ.ตร. ยังตั้งข้อสังเกตถึงความล่าช้าในการส่งสำนวนคดีของตนไปยัง ป.ป.ช. ซึ่งใช้เวลานานถึง 290 วัน กว่าจะส่งหลังตนถูกไล่ออกจากราชการไปแล้ว ซึ่งแตกต่างจากคดีของ พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ สุขวิมล อดีต ผบ.ตร. ที่มีการเร่งส่งสำนวนภายใน 30 วัน งานนี้ทำเอาหลายคนสงสัยว่าทำไมถึงมีความแตกต่างกันขนาดนี้
จากการสอบถามไปยัง ผบ.ตร. พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ก็ได้รับคำตอบว่าคดีของ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ อยู่ในอำนาจสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากมีการออกหมายจับไปแล้ว
พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ มองว่าการดำเนินการทางวินัยและไล่ออกจากราชการตนเป็นการดำเนินการแบบหลายมาตรฐาน และทำให้สังคมเห็นว่าตำรวจและตำรวจไซเบอร์บางส่วนมีการเรียกรับผลประโยชน์ (รับส่วย) จริง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เว็บพนันและสแกมเมอร์ระบาดหนัก นอกจากนี้ยังตั้งคำถามไปยัง ผบ.ตร. ในประเด็นที่ระบุว่ามีตำรวจที่เรียกรับผลประโยชน์เพียง 1%
ความเคลื่อนไหวล่าสุดเกี่ยวกับ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ร้อง! ถูกเลือกปฏิบัติ-แยกคดีซ้ำซ้อน
นอกจากนี้ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ยังสืบทราบว่า กองบัญชาการตำรวจไซเบอร์ 1 ได้เสนอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ดำเนินคดีกับตนเองซ้ำอีกครั้ง โดยใช้เส้นเงินจากบัญชีม้าเดิม ซึ่งขัดต่อหลักกฎหมาย จึงต้องรีบยื่นหนังสือต่อ ผบช.สอท. และทำหนังสือไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อป้องกันไม่ให้มีการดำเนินคดีซ้ำซ้อน โดยยืนยันว่าตนเองไม่ได้ปฏิเสธความผิด แต่ต้องการให้มีการดำเนินการในมาตรฐานเดียวกัน
สุดท้ายนี้ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ได้แสดงความเห็นต่อกรณีการปฏิญาณตนของตำรวจหน้าเสาธงว่า หากเป็นคำสั่งของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจริง ก็อยากให้มีการแก้ปัญหาด้วยการออกไปปราบปรามสแกมเมอร์และเว็บพนันอย่างจริงจังมากกว่า
เรื่องราวของ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ที่ร้องว่าถูกเลือกปฏิบัติ-แยกคดีซ้ำซ้อน นี้ยังคงเป็นประเด็นร้อนแรงที่ต้องติดตามกันต่อไปครับ เชื่อว่าสังคมคงอยากเห็นความกระจ่างและความยุติธรรมในเรื่องนี้ เพราะมันเกี่ยวข้องกับความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของประเทศเราโดยตรง
ในฐานะที่เราเป็นประชาชนคนหนึ่ง ก็คงต้องติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด และหวังว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างโปร่งใส เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายครับ
ประเด็นที่น่าสนใจคือ การที่ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ออกมาเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้ อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความขัดแย้งภายในองค์กรตำรวจเองหรือไม่? และเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างไร? คงต้องจับตาดูกันต่อไปครับ
Call to Action: เพื่อนๆ มีความคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้? มาร่วมแสดงความคิดเห็นและแลกเปลี่ยนมุมมองกันได้เลยครับ!